
เคยสงสัยไหมว่า บ้านของเรามีอายุการใช้งานกี่ปี? หลายคนอาจคิดว่าบ้านคอนกรีตอยู่ได้นานเพียงไม่กี่สิบปี แต่ความจริงแล้วบ้านปูนสามารถมีอายุการใช้งานได้นานถึง 70–100 ปี หากได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม บทความนี้จะพาคุณมารู้จักอายุการใช้งานของบ้าน และช่วงเวลาที่ควรเริ่มรีโนเวท เพื่อยืดอายุบ้านให้นานที่สุด
บ้านมีอายุการใช้งานกี่ปี?
บ้านคอนกรีตถือว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ทนทาน หากได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามอายุการใช้งานยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบและการเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง, การใช้ สีทาบ้านครบระบบ (รองพื้น + ทับหน้า), การควบคุมงานก่อสร้าง, การตรวจสอบคุณภาพก่อนเข้าอยู่ และพฤติกรรมการใช้งานของผู้อยู่อาศัย ในบางกรณี บ้านอาจเริ่มเสื่อมสภาพให้เห็นชัดเจนเมื่อเวลาผ่านไป 10–15 ปี โดยเฉพาะหากมีการต่อเติมหรือดัดแปลงที่ไม่ได้วางแผนอย่างถูกต้อง ซึ่งอาจทำให้อายุการใช้งานสั้นลง
อายุการใช้งานของสีทาบ้าน
การทาสีบ้านใหม่เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยยืดอายุผนังและเพิ่มความสวยงาม โดยอายุการใช้งานของสีจะแตกต่างกันตามเกรด
- อัลตราพรีเมียม : 15 ปีขึ้นไป เช่น สำหรับสีภายนอกแนะนำเป็น BegerCool DiamondShield Plus , BegerCool DiamondShield 15 สีคาร์บอนต่ำ (รักษ์โลก) หรือ สำหรับสีภายในแนะนำเป็น BegerShield AirFresh Gold Ion
- พรีเมียม : 10 ปีขึ้นไป เช่น BegerCool 2in1 สีน้ำอะคริลิกผสมรองพื้นในตัว, BegerCool DiamondShield 10 , BegerShield Easy Clean & Care
- มาตรฐาน : 7 -8 ปี เช่น BegerShield 5 Stars หรือ Semi-Gloss BegerCool All Plus
- อีโคโนมี่ 3 - 5 ปี เช่น BULL หรือ Ben-Tone Plus Semi-Gloss
นอกจากนี้ปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด ความชื้น ฝุ่นควัน และมลพิษทางอากาศ ล้วนเร่งให้เกิดความเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ดังนั้นควรทาสีใหม่ตามระยะที่เหมาะสม เพื่อรักษาสภาพบ้านให้คงทนและดูใหม่อยู่เสมอ

บ้านควรรีโนเวทเมื่อไหร่?
อันที่จริงประเภทคอนกรีตส่งผลต่ออายุการใช้งานของบ้าน เพราะคอนกรีตกำลังอัดสูงจะยิ่งทำให้บ้านมีอายุการใช้งานยาวนาน แต่เนื่องจากคอนกรีตที่นิยมใช้ในประเทศไทยตามโครงการต่าง ๆ จะเป็นคอนกรีตกำลังอัดต่ำ ซึ่งก่อให้เกิดรูพรุนสูง เป็นด่างได้ง่าย เป็นเหตุให้คอนกรีตขยายตัวและแตกตามแนวเหล็กเสริม เมื่อปูนแตกก็ส่งผลให้อายุการใช้งานของบ้านลดลง จึงอาจถึงเวลาต้องซ่อมแซมหรือรีโนเวทบ้างแล้ว
โดยทั่วไปแนะนำให้เจ้าของบ้านสามารถตรวจสอบและสังเกตสภาพบ้านใน 2 ช่วงเวลา ได้แก่ ช่วง 0-5 ปี และช่วง 5-15 ปี หากตรวจพบปัญหาจะได้ซ่อมแซมตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อยืดอายุการใช้งานและลดปัญหาบ้านเสียหายรุนแรงในอนาคต โดยเน้นจุดยอดนิยมที่มักเกิดปัญหาได้บ่อย ดังนี้
- รอยแตกร้าวที่ผนัง วงกบ ขอบประตูหน้าต่าง ซึ่งนำไปสู่ปัญหาน้ำรั่วซึมช่วงหน้าฝน
- สีทาบ้านภายนอกและภายในที่อาจซีดจาง ลอกล่อน หรือบวมพอง
- พื้นดินและพื้นรอบบ้านทรุด โดยเฉพาะพื้นที่ที่ไม่ได้ลงเสาเข็ม
- รอยรั่วซึม แตกร้าว เสียหายบริเวณหลังคา กระเบื้องหลังคา หรือแผ่นครอบหลังคา
- พื้นกระเบื้องซึ่งอาจหลุดร่อน และพื้นไม้ที่อาจเผชิญปัญหาปลวก
- โครงสร้างเหล็กอย่างเสาหรือรั้วที่มักปัญหาสนิมเกาะ

เรื่องต้องรู้ก่อนรีโนเวทบ้าน
สิ่งจำเป็นต่อการรีโนเวทคือ การวางแผนอย่างเป็นระบบ เพราะคงไม่มีใครอยากซ่อมบ้านซ้ำไปซ้ำมา ไม่จบไม่สิ้นเสียที และยังเสี่ยงงบบานปลาย จึงควรติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกตั้งแต่เริ่ม โดยวางงบประมาณในการรีโนเวทตั้งแต่เนิ่น ๆ ทั้งค่าของและค่าคน แนะนำให้บันทึกรายรับรายจ่ายตลอดการรีโนเวท เพื่อให้ง่ายต่อการสรุปบัญชีในตอนท้าย
เมื่อมีไอเดียที่ชอบแล้วก็ควรปรึกษานักออกแบบ สถาปนิก หรือช่างที่มีความรู้ความชำนาญ โดยเฉพาะหากต้องรีโนเวทส่วนโครงสร้างซึ่งอาจกระทบต่อบ้านทั้งหลัง และที่สำคัญควรเลือกซื้อวัสดุก่อสร้างที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนาน ไม่ต้องซ่อมแซ่มบ่อยจนเสียเงินซ้ำซ้อน
โดยผลิตภัณฑ์และวัสดุก่อสร้างที่อายุการใช้งานยาวนานมาพร้อมความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือรักษ์โลกด้วย เนื่องจากปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อกระบวนการผลิตที่ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยลดผลกระทบต่อโลก โดยเฉพาะปัญหาโลกร้อน
สีเบเยอร์คูลเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาเพื่อเจ้าของบ้านและโลกนี้เช่นกัน เพราะนอกจากสีบ้านเย็นที่ช่วยสะท้อนความร้อน ประหยัดพลังงาน และคาร์บอนต่ำแล้ว ยังมีสี 2in1 ที่ช่วยลดปริมาณการใช้ทรัพยากรน้ำและขั้นตอนการทำงานลดลงด้วย ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ล้วนมาจากการกระบวนผลิตที่รักษ์โลกตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยรับรองคุณภาพจากหน่วยงานในประเทศไทยและต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม เบเยอร์รู้ดีว่าการรีโนเวทมาพร้อมข้อกังวลและข้อสงสัยมากมาย กรณีที่เจ้าของบ้านอยากปรึกษาเกี่ยวกับการรีโนเวทบ้าน สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากเบเยอร์โดยตรงได้ที่ Line: @begerpaint ในวันและเวลาทำการ
