2 เหตุผลทำไมสีทาบ้านต้องเลือกสีเย็น คนรักบ้านมุงด่วน!

ทำไมต้องสีเย็น

คนที่มีแพลนสร้างบ้านหรือซื้อบ้านหลายคนมักใส่ใจการเลือกสิ่งต่าง ๆ เพื่อบ้าน แต่หลายคนอาจละเลยเรื่องสีทาบ้าน ด้วยว่าหากเลือกสีทาบ้าน ทนทาน ราคาแพง มีคุณภาพแล้วก็น่าจะหมดปัญหา แต่ความจริงอาจไม่เป็นอย่างนั้น สีเย็นต่างหากที่จะมาช่วยปกป้องให้บ้านทนทานยาวนานยิ่งกว่า และยังปกป้องโลกไปพร้อมกันด้วย  

สีเย็นไม่ได้หมายถึงเนื้อสีที่พอจับแล้วรู้สึกเย็นเหมือนน้ำเย็นหรือเมนทอล แต่เป็นความสามารถหรือคุณสมบัติของสีที่เมื่อทาบนพื้นผิวไปแล้วจะช่วยปกป้องผนังจากความร้อนและรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากแสงอาทิตย์ ทำให้ผนังเย็นขึ้นหรือร้อนน้อยลง ซึ่งเป็นหนึ่งปัจจัยเริ่มต้นของความทนทานและอายุการใช้งานยาวนาน ที่ตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของบ้านได้อย่างตรงจุดมากขึ้น 

 

ทำไมต้องทาสีเย็นแทนสีทาบ้านทั่วไป

สีทนก็ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องสีเย็นด้วย? อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าสีเย็นเป็นจุดเริ่มต้นของความทนทาน จึงมีส่วนช่วยในการปกป้องบ้านอย่างมาก และประเด็นสำคัญไม่แพ้กันคือ สีเย็นจากเบเยอร์ไม่ทำร้ายโลกด้วย หากสงสัยว่าเพราะอะไร ไปดูเหตุผลกันเลย

 

1. สีเย็น เพิ่มความทน

เลือกสีที่ทนทานเป็นเรื่องดี แต่สิ่งที่เราควรใส่ใจยิ่งกว่าคือสีที่เย็น เรารู้กันดีว่าประเทศไทยเป็นเมืองร้อนและประสบปัญหาความร้อนทุกเดือนไม่เว้นแม้หน้าหนาว ตัวบ้านเองก็มีปัญหานี้เช่นกัน ไม่เพียงความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่เข้าสู่ตัวบ้าน ทำให้บ้านมีอุณหภูมิสูงขึ้น เจ้าของบ้านรู้สึกร้อนอบอ้าว ความร้อนและรังสี UV ยังส่งผลต่อพื้นผิวผนัง ฟิล์มสีเสื่อมสภาพ ซีดจาง ลอกล่อนเร็วขึ้น อายุการใช้งานลดลง

 

สีกันร้อนทั่วไป

 

ลองคิดภาพใบหน้าของเราด้านหนึ่งที่ทาครีมกันแดดมาตลอด กับอีกด้านหนึ่งที่ไม่ทาอะไรเลย จะพบว่าใบหน้าด้านที่เปลือยเปล่าไร้เครื่องป้องกันมีรอยด่างดำ ฝ้า กระ เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งงานวิจัยพิสูจน์กันมาแล้วว่าตัวการใหญ่ก็คือแสงแดดและรังสี UV นี่เอง ขนาดหน้าเรายังเสี่ยงขนาดนี้ บ้านเราที่โดนแดดตลอดจะไม่เสี่ยงได้อย่างไร

สีเย็นอย่างเบเยอร์คูลจึงจำเป็นอย่างมากในการต่อกรกับความร้อนและแสงอาทิตย์ ทำให้บ้านเย็นขึ้นและทนกว่า ด้วยการทำงานแบบ Double Cool, Double Protect จากเทคโนโลยีเซรามิก คูลลิ่ง (Ceramic Cooling) ผสานกับแอโรคเทค (AeroTech) นวัตกรรมใหม่จากวัสดุแห่งอนาคต ช่วยสะท้อนความร้อนได้มากถึง 97.5% อุณหภูมิสะสมลดลงสูงสุดถึง 6 องศา และยังประหยัดค่าไฟ 32% ซึ่งเหมาะกับไทยเราและประเทศแถบเอเชีย อย่างประเทศสิงคโปร์ก็เริ่มทดลองนำสีเย็นมาใช้แก้ปัญหาความร้อนในเขตเมืองบ้างแล้ว  

 

สีเบเยอร์คูล AeroTech

 

2. สีเย็น ช่วยลดโลกร้อน

ความพิเศษของสีเย็นที่มีแอโรเทคอยู่ที่การสะท้อนความร้อน รังสี UV และยังแผ่รังสีความร้อน (IR) ออกไปในช่วงคลื่นความยาวพิเศษ ทะลุออกนอกชั้นบรรยากาศได้เลย ไม่ถูกขังโดยชั้นบรรยากาศและสะท้อนกลับมาสะสมที่ผนังบ้าน เมื่อบ้านเย็นขึ้น เจ้าของบ้านก็จะใช้พลังงานจากเครื่องใช้ไฟฟ้าลดลงด้วย เอื้อให้ปรากฏการณ์โดมความร้อน (Heat Dome) หรือภาวะความร้อนสะสมสูงในเขตเมืองใหญ่ค่อย ๆ ลดลงได้  

อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้สีเย็นเบเยอร์คูลแตกต่างคือการเป็นสีคาร์บอนต่ำ (Low Embodied Carbon) เนื่องจากกระบวนการที่รักษ์โลกตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ การผลิตสี การใช้พลังงานทดแทน การจัดการของเสีย การขนส่ง ตลอดจนการจัดการหลังใช้สี จึงช่วยลดผลกระทบ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและโลกมากขึ้น เทียบได้กับการปลูกต้นไม้จำนวน 5,554,492 ต้นเลยทีเดียว เช่น

  • ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ไปแล้วกว่า 3,500,000 kgCO2eq ก่อนส่งถึงมือเจ้าของบ้านทุกคน 
  • ประหยัดพลังงานไฟฟ้าจากเครื่องปรับอากาศกว่า 86,636 MW (คำนวณจาก 8 ชั่วโมงแดด)
  • ลดคาร์บอนจากการใช้พลังงานเท่ากับ 336,636,000 kgCO2eq

 

เบเยอร์คูลแอโรคเทค

 

ที่สำคัญ สีเบเยอร์คูลยังผ่านการรับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและได้รับฉลากรักษ์โลกทั้งในระดับประเทศและสากลด้วย ไม่ว่าจะเป็นฉลากลดโลกร้อน ฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ฉลากเขียว ฉลาก LEED ฉลาก WELL ฉลากอุตสาหกรรมสีเขียว และฉลากประหยัดพลังงาน

สีเย็นนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของความทนขั้นกว่า และการรักษ์โลกที่มากกว่า เพราะปัจจุบันนี้ไม่ใช่แค่บ้านเราเท่านั้นที่ต้องปกป้อง แต่ยังมีโลกที่เราต้องหันกลับมาดูแลร่วมกันด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าของบ้านถึงควรนำสีเย็นมาเป็นเกณฑ์อันดับแรกในการตัดสินใจเลือกซื้อสีทาบ้านนั่นเอง

SHARE :
กรุณาเลือกหมวดหมู่การค้นหา และพิมพ์คำค้นหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง