วลีที่ใครหลายคนเคยได้ยินอย่าง ‘สีเบเยอร์คูล เย็นขึ้น ทนกว่า’ หรือ ‘สีเย็น ประหยัดพลังงาน คาร์บอนต่ำ’ ไม่ใช่ว่าคิดจะใช้ก็ใช้ได้เลย แต่ต้องผ่านรางวัลและมาตรฐานรับรองมากมายทั้งด้านประสิทธิภาพและด้านการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สีเบเยอร์คูลเป็นผู้นำสีนวัตกรรมที่พัฒนาเพื่อเจ้าของบ้านและโลกของเราโดยแท้ ไปดูกันดีกว่าว่าสีเบเยอร์คูลมีรางวัลและมาตรฐานอะไรมาการันตีบ้าง
1. รางวัลเกียรติยศ ชนะเลิศ นวัตกรรมแห่งชาติ 67 (NIA)
1 เดียวในไทย พิชิตกว่า 300 แบรนด์ในทุกอุตสาหกรรม ถือเป็นบทพิสูจน์ความสำเร็จของ “ผู้นำนวัตกรรมสีเย็น” เนื่องจากสีเบเยอร์คูลได้รับรางวัลเกียรติยศ ชนะเลิศ จากเวทีนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2567 ด้วยนวัตกรรมสีสะท้อนความร้อนและรังสียูวีเพื่อประหยัดพลังงานภายในอาคาร จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA
รางวัลนี้มอบให้เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี แก่องค์กรที่เคยได้รับรางวัลมาก่อน และพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมจนนำไปสู่ผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ ๆ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์สอดรับกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
โดยเบเยอร์เองได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติในด้านต่าง ๆ ติดต่อกันเกินกว่า 10 ปี เบเยอร์คูลยังโดดเด่นในการนำไปใช้งานจริงในปัจจุบันจนเป็นที่รู้จักและยอมรับในวงกว้างในฐานะสีเย็น ประหยัดพลังงาน คาร์บอนต่ำ ซึ่งเข้าเกณฑ์ของรางวัลระดับเกียรติยศ จนได้มาครอบครองในปีล่าสุดนี้นี่เอง
2. รางวัลดีเด่นด้านพลังงานสร้างสรรค์ (Thailand Energy Award 2021)
อีกหนึ่งรางวัลด้านสิ่งแวดล้อมที่เบเยอร์ได้รับคือ รางวัลดีเด่นด้านพลังงานสร้างสรรค์ ภาคอุตสาหกรรมและบริการ จากกระทรวงพลังงาน โดยมีผลงานดีเด่นด้านการอนุรักษ์พลังงานและการพัฒนาพลังงานทดแทน
เนื่องจากสีเบเยอร์คูลผ่านกระบวนการผลิตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมทุกขั้นตอนอย่าง ระบบ AVID (Automatic Vacuum Inline Dispersion) รายแรกและรายเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ผลิตในรูปแบบอินไลน์อัตโนมัติระบบสุญญากาศ ทำให้ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้กว่า 85% ต่อปี (เทียบกับการผลิตระบบเดิม) ควบคู่ไปกับการใช้พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์
รวมถึงลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นตอของภาวะโลกร้อนและโลกเดือดสู่ชั้นบรรยากาศถึง 335 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี และยังใช้ระบบหมุนเวียนน้ำ ลดปริมาณน้ำเสียได้ 100% เต็ม พร้อมลดการใช้สารเคมีในการบำบัดน้ำเสียอย่างมีประสิทธิภาพ
3. ฉลากลดโลกร้อน (Carbon Footprint Reduction Label)
ฉลากลดโลกร้อน หรือ ฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) หมายถึง ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ผ่านกระบวนการช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวงจรชีวิต จากต้นน้ำที่การรับวัตถุดิบ ผลิต ขนส่ง ใช้งาน ไปปลายน้ำซึ่งเป็นการกำจัดผลิตภัณฑ์หลังใช้งาน
สีเบเยอร์คูล ไดมอนด์ชิลด์ 15 เป็นสีทาอาคารรายแรกในไทยที่ได้ฉลากลดคาร์บอนสูงสุด (ฉลากสีทอง) โดยเป้าหมายของการพัฒนาไม่เพียงแค่คิดค้นสีทาอาคารคุณภาพสูงเหมาะกับสภาพอากาศประเทศไทย แต่ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คาร์บอนต่ำ และรับผิดชอบต่อโลกไปพร้อมกันด้วย
4. ฉลากเพื่อสิ่งแวดล้อมจากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (ฉลากเขียวและฉลากลดคาร์บอน)
ฉลากเขียว (Green Label Thailand) จากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย เป็นเครื่องการันตีการเป็นผลิตภัณฑ์สีทาบ้านที่มีมาตรฐาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่งกว่า และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าสีทาบ้านทั่วไป โดยสีเบเยอร์คูลได้รับรางวัลฉลากเขียวติดต่อกันจนถึงปี 2024 รวมทั้งหมด 15 ปีต่อเนื่อง
สำหรับฉลากลดคาร์บอน (Carbon Reduction Label) โดยสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย พิจารณาจากกระบวนการผลิตอย่างระบบ AVID ทำให้สีเบเยอร์คูลกลายเป็นสีรายแรกที่มีฉลากการันตีในด้านช่วยลดโลกร้อน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศและชุมชนรอบข้างด้วย
5. ฉลากประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูง
เรียกได้ว่า สีเบเยอร์คูลเป็นสีประหยัดพลังงานเจ้าแรกที่ได้รับฉลากประหยัดพลังงานประสิทธิภาพชั้นสูง (Energy Saving Label) จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน โดยจะต้องมีค่าสะท้อนรังสีแสงอาทิตย์ตามเกณฑ์ค่าประสิทธิภาพที่กำหนด (มากกว่าหรือเท่ากับ 80% ขึ้นไป)
ซึ่งสีเบเยอร์คูลมีค่าสะท้อนรังสีแสงอาทิตย์สูงกว่า 95% การพัฒนาสีเย็นนี้ก็เพื่อบ้านที่เย็นขึ้น ทนกว่า ร่วมกันกับการประหยัดพลังงาน ลดการใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน และลดปัญหาโลกร้อนไปในระยะยาว
อีกหนึ่งเครื่องการันตีสินค้าคุณภาพได้มาตรฐานที่ขาดไปไม่ได้และทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีก็คือ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (TIS: Thai Industrial Standard) ซึ่งออกโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยมาตรฐานที่เบเยอร์คูลได้รับ ได้แก่ มอก. 272-2549 สีอิมัลชันใช้งานทั่วไป, มอก. 2321-2564 สีอิมัลชันทนสภาวะอากาศ และมอก. 2514-2564 สีอิมัลชันลดความร้อนจากแสงอาทิตย์
สีเบเยอร์คูลยังมีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมอีกมาก เช่น มาตรฐาน LEED ระบบประเมินคะแนนการใช้สิ่งก่อสร้างและออกแบบอาคารสีเขียวโดย U.S. Green Building Council (USGBC) และมาตรฐาน WELL การออกแบบอาคารระดับสากลที่ใส่ใจสภาพแวดล้อม การเป็นอยู่ และสุขภาพที่ดีของผู้อยู่อาศัย ซึ่งล้วนสร้างความเชื่อมั่นให้เจ้าของบ้าน ผู้รับเหมา นักออกแบบ รวมถึงสถาปนิกได้ว่า บ้านหรืออาคารที่ใช้สีเบเยอร์คูลนั้นเย็นขึ้น ทนกว่า ประหยัดพลังงาน แถมยังคาร์บอนต่ำ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง