ทำไม "ระบบกันซึม" จึงมีความสำคัญต่อบ้านของประเทศไทย?
ประเทศไทยมีสภาพอากาศร้อนชื้น มีทั้งแสงแดดแรงและฝนตกชุกตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนหรือฤดูเปลี่ยนผ่าน ความชื้นในอากาศจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้พื้นที่ต่าง ๆ ของบ้าน เช่น ดาดฟ้า หลังคา และผนังภายนอก กลายเป็นจุดเสี่ยงต่อการเกิดรอยรั่วซึมได้ง่าย หากไม่มีระบบกันซึมที่มีประสิทธิภาพ
หากปล่อยให้เกิดการรั่วซึม อาจนำไปสู่ปัญหา:
-
เกิดคราบน้ำหรือเชื้อรา บริเวณฝ้าเพดานและผนัง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสวยงามและสุขอนามัยภายในบ้าน
-
สีลอกพองหรือวัสดุผนังเสียหาย จากความชื้นสะสม ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมซ้ำซ้อน
-
กลิ่นอับชื้นสะสม ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ เช่น โรคทางเดินหายใจหรือภูมิแพ้
ระบบกันซึมที่ดีจึงถือเป็น "การลงทุนเพื่อป้องกันปัญหาในระยะยาว" สำหรับบ้านไทยทุกภูมิภาค โดยเฉพาะพื้นที่ที่เจอฝนบ่อยหรือแดดแรงสลับกันตลอดปี
5 สัญญาณเตือนที่บ่งชี้ว่าบ้านของคุณควรได้รับการ “กันซึม” อย่างเร่งด่วน
การรั่วซึมของน้ำมักเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ ที่มองข้ามได้ง่าย แต่หากปล่อยไว้โดยไม่รีบแก้ไข อาจลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อทั้งโครงสร้างอาคารและสุขภาพของผู้อยู่อาศัย ต่อไปนี้คือสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม:
1. มีคราบน้ำหรือรอยเปียกบนฝ้าเพดานหรือผนัง
พบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน หรือหลังจากฝนตกหนัก เป็นสัญญาณเบื้องต้นของการซึมผ่านของน้ำจากหลังคาหรือดาดฟ้า
2. พื้นดาดฟ้ามีรอยแตกร้าวหรือรอยแยก
รอยแตกร้าวเป็นช่องทางสำคัญที่น้ำสามารถแทรกซึมเข้าสู่ชั้นโครงสร้างได้โดยตรง ซึ่งหากปล่อยไว้อาจทำให้โครงสร้างเสื่อมสภาพในระยะยาว
3. ผนังเกิดอาการพอง ลอก หรือสีหลุดเป็นแผ่น
ความชื้นที่สะสมภายในผนังทำให้สีทาผิวภายนอกเสื่อมคุณภาพ ผนังจึงเกิดการพองตัว ลอกล่อน และลดทอนความสวยงามของบ้าน
4. พบคราบตะไคร่น้ำหรือเชื้อราสีเขียว - คราบดำบนผนัง หรือพื้นผิวภายนอก
สิ่งเหล่านี้เกิดจากความชื้นสะสมอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณชัดเจนว่ามีการรั่วซึมของน้ำในบริเวณดังกล่าว
5. มีกลิ่นอับภายในบ้าน แม้มีการระบายอากาศ
กลิ่นอับเรื้อรังมักเกิดจากความชื้นที่สะสมอยู่ภายในผนังหรือฝ้า ซึ่งอาจนำไปสู่การเติบโตของเชื้อราและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย
แล้วจะเริ่ม “กันซึม” อย่างไรให้ได้ผลจริง?
สำหรับบ้านพักอาศัยทั่วไป โดยเฉพาะในเขตที่มีฝนตกหนักหรือสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย การเลือกใช้วัสดุกันซึมที่ยืดหยุ่น ทนร้อน และสามารถทาเองได้ จะช่วยลดปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความนิยม คือ
เบเยอร์ โมลด์ฟรี เอ็ม-001 (Beger Mouldfree M-001) –น้ำยากำจัดเชื้อราและตะไคร่น้ำ เป็นน้ำยาสูตรพิเศษ ที่มีประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อรา และตะไคร่น้ำได้ลึกถึงราก ด้วยส่วนผสมพิเศษช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ สามารถใช้ได้ทั้งภายในและภายนอก
- ฆ่าเชื้อราและตะไคร่น้ำได้ลึกถึงราก
- กลิ่นไม่ฉุน ปลอดภัยต่อผู้ใช้และผู้อยู่อาศัย
- สามารถทาทิ้งไว้ได้โดยไม่ต้องล้างออก
เบเยอร์ โปร ควิก ไพรเมอร์ บี-1900 (Beger Pro Quick Primer B-1900) - สีรองพื้นปูนอเนกประสงค์ ทนชื้นสูง 40% สูตรใหม่! เนื้อสีขาวเข้มข้นกลบพื้นผิวได้ดียิ่งขึ้น พร้อมใช้งานไม่ต้องผสมทินเนอร์! เบเยอร์ บี-1900 สีรองพื้นปูนอเนกประสงค์ สูตรน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ
- ใช้ได้กับพื้นผิวปูนทุกประเภททั้ง ปูนใหม่ ปูนเก่าเสื่อมสภาพ หรือปูนสด (ผนังปูนที่เพิ่งฉาบเสร็จ 2 วัน)
- ทนต่อความชื้นสูงถึง 40%
- สามารถปกปิดพื้นผิวได้ดี กลบมิดได้มากกว่าสีรองพื้นปูนทั่วไป
- แทรกซึมลึก ยึดเกาะได้ดีเยี่ยม บนพื้นผิวไฟเบอร์ซีเมนต์และปูนทุกประเภท
- ป้องกันคราบเกลือและความด่างจากปูน ป้องกันการเกิดเชื้อรา และตะไคร่น้ำ
- แก้ไขปัญหาสีลอกล่อน โป่งพองและเป็นฝุ่นชอล์ก ป้องกันสีด่างและสีซีดจาง
แนะนำ :กรณีทีปรับปรุงซ่อมแซม พื้นผิวเก่าผ่านใช้งานนาน
เบเยอร์ พียู ซีล (Beger PU Seal) - โพลียูรีเทน ซีลแลนต์คุณภาพสูงมีความยืดหยุ่นสูง ใช้สำหรับอุดรอยแตกร้าวก่อนทาสี เพื่อเสริมประสิทธิภาพให้ระบบกันซึมทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
- ยึดเกาะแน่นบนพื้นผิวคอนกรีต ปูน ไม้ อะลูมิเนียม
- ยืดหยุ่นสูง ไม่แตกร้าวตามอุณหภูมิเปลี่ยน
- เหมาะสำหรับอุดรอยแตกร้าวบนดาดฟ้า และรอยต่อระหว่างผนัง-พื้น
เบเยอร์ รูฟซีล คูล (Beger ROOFSEAL Cool) – สีทากันซึมชนิดโพลียูรีเทน ไฮบริด ที่ช่วยป้องกันการรั่วซึม 100% และยังสามารถสะท้อนความร้อนได้สูงสุดถึง 12°C เหมาะกับดาดฟ้าคอนกรีต หลังคาราบ และรอยต่อภายนอก
ขั้นตอนการทากันซึมดาดฟ้าแบบมืออาชีพ
1. ล้างทำความสะอาดพื้นผิว
- ขจัดฝุ่น คราบน้ำมัน คราบไข และเศษวัสดุออกให้หมด
- พื้นผิวต้อง สะอาด แห้งสนิท และไม่มีเศษหลุดล่อน
2. ฆ่าเชื้อราและตะไคร่น้ำด้วย Beger MoldFree M-001
- ใช้ Beger MoldFree M-001 ทาให้ทั่วบริเวณ
- ปล่อยให้แห้ง โดยไม่ต้องล้างออก เพื่อยับยั้งเชื้อราระยะยาว
แนะนำ เหมาะกับพื้นที่ ที่มีเชื้อราและไคร่น้ำ
3. ทารองพื้นป้องกันความชื้นด้วย Beger Pro Quick Primer B-1900
- ใช้ Beger Pro Quick Primer B-1900 ทาหนึ่งรอบ
- ช่วยเพิ่มการยึดเกาะและป้องกันความชื้นจากพื้นผิวเดิม
4. อุดรอยร้าวด้วย Beger PU SEAL
- ทาตามแนวรอยแตกร้าว / รอยต่อ
- ปล่อยให้แห้งสนิทก่อนเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป
แนะนำ เหมาะกับพื้นที่ ที่มีรอยแตกร้าว
5. ทา Beger RoofSeal Cool (ทา 3 ชั้น)
- เที่ยวที่ 1: ผสมกับน้ำสะอาดในอัตรา 3:1 ใช้เป็นชั้นรองพื้น
(ใส่ไฟเบอร์เมช Beger Fiber Meshเสริมแรงยึดเกาะบริเวณรอยต่อและรอยแตกร้าว)
- เที่ยวที่ 2: ทา แบบไม่ผสมน้ำ หลังเที่ยวแรกแห้ง 2-4 ชม.
- เที่ยวที่ 3: ทาชั้นสุดท้าย แบบไม่ผสมน้ำ ทิ้งไว้ให้แห้ง 12 ชม. ก่อนใช้งาน
แนะนำ ให้ทาแต่ละชั้นในแนวสลับทิศทาง (ไขว้แนว) เพื่อให้การเคลือบผิวเรียบเนียนและปกปิดทุกมุมรอยต่อได้สมบูรณ์
สรุป: ป้องกันบ้านจากฝน-แดด ด้วยระบบกันซึมที่มีประสิทธิภาพ
“รอยแตกร้าว” คือจุดเริ่มต้นของปัญหาน้ำรั่วซึม ที่มักเกิดขึ้นบริเวณดาดฟ้า ผนัง และหลังคาคอนกรีต หากปล่อยไว้โดยไม่ซ่อมแซมอย่างถูกวิธี ความชื้นจะสะสมจนก่อให้เกิดคราบ รา และโครงสร้างเสื่อมสภาพในระยะยาว เพื่อซ่อมแซมได้ทันก่อนปัญหาลุกลาม อย่ารอจนบ้านเกิดคราบ เชื้อรา หรือกลิ่นอับ ระบบกันซึมที่วางไว้อย่างถูกต้องตั้งแต่ต้น ช่วยปกป้องบ้านคุณจากสภาพอากาศสุดขั้วได้อย่างยั่งยืน
บ้านที่กันซึมอย่างถูกวิธี = บ้านที่เย็น อยู่สบาย และปลอดภัยในระยะยาว
ผลิตภัณฑ์ซ่อมแซมอื่น ๆ ได้ที่ร้านใกล้บ้านคุณ
ค้นหาร้านค้าที่จำหน่ายใกล้คุณ >> คลิกที่นี่เพื่อค้นหาร้านค้าใกล้ฉัน
คลิกเพื่อดูรีวิว ทาสีกันซึมดาดฟ้า แก้ปัญหารั่ว ร้อน ร้าว ซ้ำซาก | เบเยอร์ รูฟซีล คูล
ติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญของ Beger พร้อมให้คำแนะนำฟรี! >> คลิกเพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่