ทุกวันนี้หลายวงการหันมาสนใจสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น อสังหาฯ ก็เป็นหนึ่งในวงการกลับมาคิดและทบทวนกันมากเช่นกัน เนื่องจากความตื่นตัว ตระหนักในปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมถึงข้อกำหนดและแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มาจากระดับประเทศ ก่อให้เกิดการขับเคลื่อนไปในทิศทางใหม่อย่าง Green Building เป้าหมายเพื่อร่วมกันดูแลรักษาโลกอย่างยั่งยืน
เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า วงการอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นหนึ่งในหัวเรือใหญ่ที่มีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมอาคารและก่อสร้างซึ่งดำเนินกิจกรรมปล่อยคาร์บอนสู่โลกในปริมาณมาก เพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองที่ดูจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ มาดูกันว่ามุมมองของผู้พัฒนาและผู้ซื้ออสังหาฯ กับวัสดุรักษ์โลก คาร์บอนต่ำ และอนาคต Net Zero เป็นอย่างไร
ทิศทางตลาด Green Building
- ตลาดกลุ่มบ้านครอบครัวเดี่ยวเติบโตด้วย CAGR 14.7% ส่วนหนึ่งจากมาตรการต่าง ๆ ในการช่วยเหลือผู้ที่สนใจซื้อที่อยู่อาศัย แสดงถึงความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของความต้องการตลาดกลุ่มนี้
- กลุ่ม Gen Y (28-43 ปี) กลายเป็นผู้ขับเคลื่อนหลักของพื้นที่สีเขียว บ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และบ้านประหยัดพลังงาน Smart Home ที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบาย ความปลอดภัย การประหยัดไฟฟ้า และฟังก์ชันการทำงานที่ลดขั้นตอนในชีวิตประจำวันอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดรับกับวิถีการทำงานที่เปลี่ยนไปจากเข้าออฟฟิศสู่ทำงานที่บ้านหรือ Work From Home กันมากขึ้น
- เอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดในตลาดนี้ปี 2023 ซึ่งถือเป็นภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากความร้อนสูง การเปลี่ยนปลงของสภาพอาการ ปัญหาจากสิ่งแวดล้อม รวมถึงภาวะโลกร้อนจากอุตสาหกรรมก่อสร้างไม่น้อย การก้าวสู่ Green Building โดยเฉพาะการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างอย่างสีบ้านเย็น จึงมีบทบาทสำคัญต่อตลาดและความเป็นอยู่ของผู้อยู่อาศัยของคนในภูมิภาคนี้
ปัจจัยขับเคลื่อนในตลาดอุตสาหกรรม Green Building
- Green Funding: การสนับสนุนสินเชื่อและกองทุนจากสถาบันการเงินและรัฐบาลช่วยลดอุปสรรคทางการเงินให้กับผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่มีเป้าหมาย Net Zero และวางแผนปรับเปลี่ยนเพื่อโลกอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านโครงการบ้าน อาคารต่าง ๆ โดยนำวัสดุก่อสร้างรักษ์โลกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ
- นักพัฒนาและนักลงทุน: มองเห็นคุณค่าระยะยาวในการก่อสร้างที่ยั่งยืน พร้อมร่วมมือกับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงเพื่อมาตรฐานสีเขียว ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการเปลี่ยนผ่านไปสู่ Green Building ทั้งห่วงโซ่ธุรกิจร่วมกันทั้งอุตสาหกรรม
- เบเยอร์ (Beger): หนึ่งในผู้ผลิตสีและวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คาร์บอนต่ำ คิดค้นพัฒนานวัตกรรมเพื่อโลกและผู้บริโภคเป็นสำคัญ เพื่อลดใช้พลังงาน ลดการปล่อยมลพิษและก๊าซเรือนกระจกให้ได้มากที่สุดตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ การผลิตสีและวัสดุก่อสร้าง การขนส่งสีถึงมือผู้บริโภค ไปจนถึงการจัดการถังสีหลังใช้
- เจ้าของบ้าน: ได้รับประโยชน์จากค่าใช้จ่ายพลังงานที่ลดลงและการอยู่อาศัยที่ยั่งยืน เนื่องจาก Green Building จากวัสดุรักษ์โลกคุณภาพสูงจะช่วยประหยัดพลังงานและยืดอายุการใช้งานได้ในระยะยาว
องค์ประกอบสำคัญของ Green Building
- Designs: การออกแบบเพื่อลดพลังงานและความร้อนสะสมในการทำความเย็น โดยพิจารณาจากสภาพภูมิประเทศ อากาศ และวัสดุที่มีอยู่แล้วในพื้นที่ เพื่อไม่ให้เปลืองทรัพยากรจนเกินจำเป็น
- Rules: กฎเกณฑ์ใหม่ เช่น CBAM และ Carbon Tax ช่วยผลักดันให้เกิดการตื่นตัวในหมู่ภาคธุรกิจที่มีการปล่อยคาร์บอนจากกระบวนการต่าง ๆ และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนา ทะลุขีดจำกัดทางการค้ามากขึ้น
- Tools: ใช้เครื่องมือคำนวณคาร์บอนและลดขยะวัสดุหลังการก่อสร้าง เช่นเว็บแอป Paint CO2Cal ช่วยคำนวณการปล่อยคาร์บอนและค่าการประหยัดพลังงานจากสีทาอาคาร ซึ่งจับพัฒนาโดยเบเยอร์และมหาวิทยาลัยมหิดล
- Materials: วัสดุคาร์บอนต่ำช่วยลดการใช้พลังงานในอาคาร อย่างสีเบเยอร์คูลที่มีเทคโนโลยีแอโรเทค (AeroTech) ทำให้บ้านเย็นขึ้นและทนยิ่งกว่า โดยสะท้อนความร้อน 97.5% ลดอุณหภูมิสะสมสูงสุด 6 องศา และประหยัดพลังงานกว่า 32%