
ปัญหาฟิล์มสีที่เกิดฟองอากาศ หรือ Bubbles & Foaming เป็นหนึ่งในปัญหาด้านงานสีที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบประเทศไทย ไม่เพียงทำให้ผนังดูไม่สวยงาม แต่ยังบ่งบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทั้งจากพื้นผิว สีที่ใช้ หรือเทคนิคการทำงานของช่าง หากปล่อยไว้ย่อมส่งผลต่อความทนทานของงานสีในระยะยาว บทความนี้จะสรุป สาเหตุสำคัญ วิธีป้องกัน และแนวทางแก้ไข พร้อมผสานข้อมูลเชิงเทคนิคที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างแม่นยำ
สาเหตุหลักของการเกิดฟองอากาศบนฟิล์มสี
สาเหตุของฟองอากาศสามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ สาเหตุจากอุปกรณ์/วัสดุที่ใช้ และ สาเหตุจากกระบวนการทำงาน
1) สาเหตุจากการเลือกอุปกรณ์ทาสีผิดประเภท
ข้อมูลจากภาพระบุอย่างชัดเจนว่า “การเลือกอุปกรณ์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สีเกิดฟองอากาศ”
1.1 ลูกกลิ้งที่ไม่เหมาะกับเนื้อสี หากเลือกใช้ลูกกลิ้งที่ ไม่เหมาะกับชนิดเนื้อสี จะทำให้เกิดฟองอากาศได้ง่าย ตัวอย่างเช่น
- ลูกกลิ้งขนยาว เหมาะกับสีที่มีความหนืดมาก
- ลูกกลิ้งขนสั้น เหมาะกับสีเนื้อเนียน ละเอียด
- หากใช้ผิดประเภท เช่น สีเนื้อเนียนแต่ใช้ลูกกลิ้งขนยาว อาจทำให้เกิดฟองเป็นจำนวนมาก
1.2 ความหยาบของผิวลูกกลิ้ง ลูกกลิ้งที่ขนสั้นเกินไปหรือเส้นใยไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดฟองเพราะกักอากาศในเนื้อสีมากกว่าปกติ
1.3 การใช้ลูกกลิ้งคุณภาพต่ำ ลูกกลิ้งราคาถูกหรือผลิตจากวัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน มีโครงสร้างเส้นใยที่ไม่สม่ำเสมอ เมื่อกลิ้งบนผนังจะดึงอากาศเข้าไปในเนื้อสี ส่งผลให้ฟองอากาศไม่ยุบตัว
2) สาเหตุจากการผสมสีผิดวิธี
ข้อมูลจากภาพระบุว่า “การคนสีแรงเกินไป หรือการละลายสีมากเกินจำเป็น” เป็นอีกปัจจัยสำคัญ
2.1 คนสีแรงเกินไปจนเกิดฟองในถัง เมื่อคนสีด้วยความเร็วสูง ฟองอากาศจำนวนมากจะถูกดันเข้าไปในเนื้อสี และจะยังคงอยู่เมื่อนำไปทาบนผนัง
2.2 ผสมสีนานเกินไปหรือใส่น้ำมากเกินความจำเป็น ตามมาตรฐานส่วนใหญ่ ปริมาณการผสมน้ำกับสีน้ำอะคริลิกไม่ควรมากเกินกว่าผลิตภัณฑ์ที่กำหนด หากใส่น้ำมากเกินไปทำให้ความหนืดลดลงจนกักอากาศง่าย และเกิด ฟองสีมากกว่าปกติ
3) ความชื้นสะสมในพื้นผิว
เป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของฟองอากาศใต้ฟิล์มสี โดยเฉพาะ
- ผนังภายนอกที่โดนแดดและฝน
- ผนังที่ติดห้องน้ำ
- ผนังที่มีรอยแตกร้าว น้ำซึม
ความชื้นจะผลักฟิล์มสีออกจนเกิดเป็นฟองโป่งตัว และเสี่ยงต่อการหลุดล่อนตามมา
4) ทาสีบนพื้นผิวสกปรกหรือมีคราบมัน
ฝุ่น ผงปูน หรือคราบน้ำมันทำให้สีไม่สามารถยึดเกาะได้ดี ส่งผลให้เกิดฟองและการยกตัวของฟิล์มสี
5) ทาสีในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม
- อากาศร้อนจัด
- ผนังร้อนจากแดด
- พื้นผิวเปียกจากฝน
ทำให้สีแห้งเร็วเกินไปจนกักอากาศเอาไว้ในฟิล์มชั้นใน
วิธีแก้ปัญหาฟิล์มสีเกิดฟองอากาศ
2 ขั้นตอนง่าย ๆ แต่ได้ผลจริง
1) ใช้กระดาษทรายลูบปรับพื้นผิวให้เรียบ
- ใช้กระดาษทรายเบอร์ 180–240
- ลูบเบา ๆ ให้ฟิล์มสีเรียบเสมอกัน
- ขจัดฟองอากาศและขอบแข็งที่ยกตัว
ประโยชน์:
การลูบกระดาษทรายจะช่วยให้ฟิล์มสีใหม่ยึดเกาะได้ดีขึ้น และลดโอกาสเกิดฟองซ้ำ
2) กลิ้งสีทับบาง ๆ เพื่อสร้างฟิล์มสีใหม่
หลังจากลูบพื้นผิวแล้ว ให้ทาสีทับด้วยความบางและสม่ำเสมอ
- ใช้ลูกกลิ้งที่เหมาะกับเนื้อสี
- หลักเลี่ยงการจุ่มสีมากเกินไป
- กลิ้งช้า ๆ เพื่อลดการกักอากาศ
- ทา 1–2 รอบ ตามความจำเป็น
ประโยชน์:
การทาแบบบางทำให้ฟิล์มสีเซตตัวได้ดี ลดการกักอากาศ และทำให้ผนังเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดฟองอากาศในอนาคต
- เลือกอุปกรณ์ให้เหมาะกับชนิดเนื้อสี
- ใช้อุปกรณ์(ลูกกลิ้ง) คุณภาพดี
- ผสมสีตามอัตราส่วนที่ผู้ผลิตกำหนด
- ทาสีในช่วงอากาศเหมาะสม (ไม่ร้อนจัด และลมแรง)
- ทำความสะอาดพื้นผิวก่อนทาทุกครั้ง
- ตรวจสอบความชื้นผนัง และรอยแตกร้าวที่อาจทำให้น้ำซึม
-
ปัญหาหลุมฟองอากาศบนพื้นอีพ็อกซี่ (Epoxy)
ปัญหาหลุมฟองอากาศบนพื้นอีพ็อกซี่ (Epoxy)
ปัญหาหลุมฟองอากาศบนพื้นอีพ็อกซี่ชนิดฟิล์มสีหนา (Self Leveling) เป็นอาการที่พบได้เสมอ โดยมักเกิดขึ้นในช่วงที่สีอีพ็อกซี่เริ่มเซ็ตตัวหรือเริ่มแข็ง สังเกตได้จากฟองอากาศเล็กๆ ที่บวมขึ้นบนผิวฟิล์มตั้งแต่ระหว่างการทำงาน เมื่ออีพ็อกซี่แข็งตัว ฟองเหล่านี้จะแตกกลายเป็น “หลุมสี” ทำให้พื้นดูเป็นบ่อ ไม่เรียบ และไม่สม่ำเสมอ ปัญหานี้มักเกิดจากอากาศที่ถูกดันออกจากพื้นผิวคอนกรีต ความชื้น หรือการไล่อากาศไม่หมดระหว่างการทำงาน
สาเหตุ
- การใช้ลูกกลิ้งผิดประเภทจำเป็นต้องใช้ลูกกลิ้งเฉพาะงานและรองเท้าสวมใส่เฉพาะงาน
- คุณภาพของคอนกรีตและลักษณะรูพรุนของคอนกรีต
- ลักษณะของอากาศที่อุณหภูมิสูง มีปริมาณความชื้นในอากาศสูง รวมไปถึงทินเนอร์ที่ใช้ในการผสมสีที่อาจมีอัตราการระเหยที่เร็วกว่าปกติ
- คุณภาพของผลิตภัณฑ์สี
แนวทางแก้ไข
1. ขัดปรับผิวและทำความสะอาดอย่างละเอียด
เริ่มจากขัดผิวหน้าบริเวณที่เกิดหลุมฟองอากาศด้วยกระดาษทรายหรือเครื่องขัดพื้นไฟฟ้า เพื่อเปิดผิวที่เสียหายออกและทำให้พื้นผิวเรียบเสมอกัน จากนั้นดูดฝุ่นและทำความสะอาดให้ปราศจากฝุ่นผง คราบน้ำมัน และความชื้น เพราะสิ่งแปลกปลอมเพียงเล็กน้อยสามารถทำให้ฟองอากาศเกิดซ้ำได้เมื่อเคลือบใหม่
2. ใช้อุปกรณ์ที่ถูกต้อง เช่น ลูกกลิ้งและแปรงเฉพาะงาน
พื้นอีพ็อกซี่แบบ Self-Leveling จำเป็นต้องใช้
- ลูกกลิ้งเข็ม (Spike Roller) เพื่อไล่อากาศจากเนื้ออีพ็อกซี่
- รองเท้าตะปู (Spiked Shoes) เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานเดินบนชั้นอีพ็อกซี่ได้โดยไม่รบกวนผิวฟิล์ม
การใช้อุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสม เช่น ลูกกลิ้งทั่วไป จะทำให้ไล่อากาศได้ไม่หมด และเสี่ยงเกิดฟองและหลุมซ้ำอีกในการเคลือบครั้งถัดไป
3. ควบคุมสภาพแวดล้อมระหว่างทำงาน
อุณหภูมิและความชื้นสัมพันธ์โดยตรงกับการเกิดฟองอากาศ
- ควรทำงานในอุณหภูมิ 25–30°C
- ความชื้นสัมพัทธ์ (RH) ไม่ควรเกิน 75%
- หลีกเลี่ยงการทำงานช่วงกลางวันที่พื้นคอนกรีตร้อนจัด หรือหลังฝนตก
การควบคุมสภาพแวดล้อมจะช่วยลดการขยายตัวของอากาศในคอนกรีตและลดการเกิดฟองระหว่างการเซ็ตตัวของอีพ็อกซี่
4. ปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์หรือเติมสารกันฟองตามความจำเป็น
หากตรวจพบว่าปัญหาเกิดจากเนื้อสีหรือสูตรผลิตภัณฑ์ เช่น มีการเกิดฟองง่ายผิดปกติ ควรเพิ่มสารกันฟอง (Defoamer / Anti-Foam Agent) ที่เหมาะสม และตรวจสอบอัตราส่วน Hardener ให้ถูกต้อง เพราะอัตราส่วนผิดเพี้ยนจะทำให้การเซ็ตตัวผิดปกติและเกิดฟองง่ายขึ้น

ปัญหาฟิล์มสีเกิดฟองอากาศและหลุมฟองอากาศบนพื้นอีพ็อกซี่มักเกิดจากอากาศที่ถูกกักอยู่ภายในชั้นสี ความชื้น พื้นผิวคอนกรีตที่มีรูพรุน รวมถึงการใช้อุปกรณ์ไม่เหมาะสม เช่นลูกกลิ้งที่ไม่รองรับงานเฉพาะด้าน วิธีแก้ที่ได้ผลจริง คือ ขัดปรับผิวให้เรียบ และ ทาทับใหม่แบบบาง ๆ ด้วยอุปกรณ์ที่ถูกต้อง พร้อมตรวจสอบรองพื้น พื้นคอนกรีต และสภาพแวดล้อม เพื่อป้องกันการเกิดฟองอากาศซ้ำ ทำให้งานสีและงานอีพ็อกซี่เรียบเนียน สวยงาม และมีความทนทานในระยะยาว
1) ฟองอากาศบนผนังเกิดจากอะไร?
เกิดจากความชื้นในผนัง การเลือกอุปกรณ์ทาสีผิดประเภท การผสมสีแรงเกินไป หรือทาสีในอากาศร้อนจัดจนฟิล์มชั้นนอกแห้งเร็วกว่าชั้นใน
2) แก้ฟองอากาศบนผนังยังไงให้ได้ผลจริง?
ลูบด้วยกระดาษทรายให้เรียบ แล้วกลิ้งสีทับบาง ๆ ด้วยลูกกลิ้งที่เหมาะกับชนิดของสี เป็นวิธีแก้ไขที่ได้รับการแนะนำมากที่สุด
3) ทำไมพื้นอีพ็อกซี่ Self-Leveling ถึงเป็นหลุมหลังแห้ง?
เพราะฟองอากาศเล็ก ๆ ที่เกิดระหว่างการเซ็ตตัวแตกออกจนกลายเป็นหลุม มักเกิดจากความชื้น อากาศในคอนกรีต หรือการไล่อากาศไม่หมดขณะทำงาน
4) แก้หลุมฟองอากาศบนพื้นอีพ็อกซี่ต้องทำอย่างไร?
ขัดผิวที่เสียหายให้เรียบ ทำความสะอาดอย่างละเอียด อุดรูพรุนด้วยรองพื้นระบบอีพ็อกซี่ และเคลือบใหม่โดยใช้ลูกกลิ้งเข็ม (Spike Roller) เพื่อไล่อากาศออก
5) อุปกรณ์อะไรที่จำเป็นสำหรับงานอีพ็อกซี่ Self-Leveling?
ลูกกลิ้งเข็ม (Spike Roller)
รองเท้าตะปู (Spiked Shoes)
เกรียงปาด (Notched Trowel)
ใช้อุปกรณ์เฉพาะงานจะช่วยลดฟองอากาศและทำให้ฟิล์มเรียบสม่ำเสมอมากขึ้น
