ห้องเล็ก ๆ มักทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกอึดอัด แต่รู้หรือไม่ว่า การเลือกสีทาภายในที่เหมาะสม และใช้เทคนิคทาสีอย่างถูกวิธี สามารถช่วยให้ห้องเล็กแคบ ๆ ดูกว้าง โปร่ง และน่าอยู่มากขึ้นได้จริง วันนี้เรามี 4 เทคนิคทาสีห้องจากผู้เชี่ยวชาญ Beger Paint พร้อมสีแนะนำที่จะช่วยให้คุณได้ห้องในฝัน - บริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเฉดสีบ้าน (Beger BeYours เบเยอร์ คัลเลอร์บียัวร์ส)
เทคนิคที่ 1 เลือกสีโทนเดียวกัน ไม่ตัดกันเกินไป
การใช้สีโทนเดียวกันหรือต่างกันเพียงเล็กน้อยบนผนัง จะช่วย “หลอกตา” ให้ห้องดูกว้างขึ้น และยังคุมบรรยากาศให้สบายตา
สีที่แนะนำ :
BegerShield Easy Clean & Care ในโทนอ่อน ให้ความรู้สึกสะอาด โปร่ง โล่ง และยังเช็ดล้างง่าย เหมาะกับห้องที่มีเด็กเล็กหรือผู้แพ้ง่าย
เทคนิคที่ 2 ทาผนังด้านลึกด้วยสีเข้ม
ทาผนังด้านที่ลึกสุดของห้องด้วยสีเข้ม จะช่วยสร้างมิติและความลึก ขณะที่ผนังอื่นยังคงใช้โทนสว่าง ห้องจึงดูมีพื้นที่มากขึ้น
สีที่แนะนำ :
ฝ้าเพดาน → ใช้ BegerCool 2in1 Interior Matt สีขาว Super White ช่วยให้ห้องสว่างขึ้นและสะท้อนความร้อน เหมาะกับอากาศเมืองร้อน
ผนังลึก → เลือกโทนเข้มกว่าสัก 1-2 ระดับ
เทคนิคที่ 3 ผนังติดกันใช้เฉดใกล้เคียง
การเลือกสีผนังที่ติดกันให้อ่อน–เข้มใกล้กัน จะช่วยลดความอึดอัดของพื้นที่เล็ก ตัวอย่างเช่นการใช้โทนเขียวอ่อน ไล่ไปจนถึงเขียวเข้มแบบนุ่มนวล
สีที่แนะนำ :
BegerShield AirFresh Gold Ion ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Gold Ion ช่วยยับยั้งเชื้อโรค แบคทีเรีย และไวรัส SARS-CoV-2 เหมาะสำหรับห้องนั่งเล่นและห้องนอนที่ต้องการทั้งความกว้างและสุขภาพที่ดี
เทคนิคที่ 4 ผนังหัวเตียงใช้สีเข้ม
ในห้องนอน การเลือกทาผนังหัวเตียงให้เป็นสีเข้ม จะช่วยขับบรรยากาศให้ห้องดูหรูและกว้างขึ้น ขณะเดียวกันผนังรอบอื่นควรใช้สีโทนอ่อน เพื่อปรับสมดุลของห้อง
สีที่แนะนำ :
BegerShield Easy Clean & Care เฉดเข้มสุขุม เช่น เทา–น้ำเงิน ช่วยให้ห้องมีสไตล์ และดูสะอาดเสมอ
เคล็ดลับเสริม – สีขาว Super White ตัวช่วยห้องดูกว้าง
หากอยากให้ห้องดูกว้างที่สุด แนะนำโทนสีขาวสว่าง เช่น Super White (GW-8800) ในกลุ่ม BegerCool Interior ซึ่งเป็น “สีขาวที่สุด” ของ Beger และช่วยสะท้อนแสงได้ดี ทำให้ห้องเล็ก ๆ ดูโปร่งมากขึ้น - แบบสีห้องแบบต่างๆ