
ฤดูฝนคือช่วงเวลาท้าทายของงานก่อสร้าง งานทาสี และการรีโนเวทบ้าน หลายคนมักชะลอโครงการเพราะกลัวความชื้นทำให้สีพอง สีลอก หรือเกิดเชื้อรา แต่ความจริงแล้ว หากเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม คุณสามารถทาสีได้แม้ในช่วงที่ฝนตกอย่างต่อเนื่องได้เช่นกัน! บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก "สีรองพื้นกันชื้น" ที่ช่วยให้คุณเดินหน้างานต่อได้แม้ฝนจะเทแค่ไหน พร้อมแนะนำผลิตภัณฑ์คุณภาพจากเบเยอร์ ที่ช่างมืออาชีพไว้วางใจ
ทำไมต้องใช้ "สีรองพื้นกันชื้น" ในฤดูฝน?
ผนังบ้านที่เปียกหรือมีความชื้นสะสมจะทำให้สีทับหน้ายึดเกาะได้ไม่ดี ส่งผลให้เกิดปัญหาสีหลุดล่อน สีพอง หรือเชื้อราได้ง่าย หากเลือกใช้สีรองพื้นที่พัฒนามาเพื่อป้องกันความชื้นโดยเฉพาะ จะสามารถช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้โดยตรง สีรองพื้นกันชื้นจะทำหน้าที่ "บล็อกความชื้น" ไม่ให้ทะลุขึ้นมาบนผิวทาสี และยังช่วยให้ฟิล์มสีทับหน้าติดแน่น ทนทาน ยืดอายุการใช้งานของผนังบ้านคุณได้อีกหลายปี
เปรียบเทียบ 2 สีรองพื้นยอดนิยมจากเบเยอร์ สำหรับฤดูฝน
1. Beger Rain Quick Primer B-2900 – เหมาะสำหรับปูนเก่า ปูนใหม่ และปูนสด
คุณสมบัติเด่น:
สีรองพื้นสูตรน้ำ เกรด Ultra-Premium
พื้ที่การทา 40-45 ตร.ม./แกลลอน/เที่ยว
- กันความชื้นภายนอก 70%
- ทนชื้นภายในได้ 25%
- ฟิล์มสีมีรูพรุนระบายความชื้น ยึดเกาะดีเยี่ยมแม้เป็นสูตรน้ำ ด้วยเทคโนโลยีเรซิ่น จากฝรั่งเศส
- ช่วยให้แทรกซึมได้ลึก เนื้อสีขาว ช่วยในการกลบมิดและให้สีทาขึ้นง่าย
- ป้องกันการเกิดคราบด่างและคราบเกลือได้ดีเยี่ยม
- ปลอดสารปรอท ตะกั่ว และโลหะหนักที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และมีกลิ่นอ่อน Low VOCs
- ใช้ได้กับปูนเก่า ปูนใหม่ ปูนสด และกับปูนทุกชนิด ทั้งภายนอกและภายใน
นวัตกรรม: Pliotec Resin (ไพลโอเทค เรซิ่น) เทคโนโลยีจากฝรั่งเศส ช่วยในการแทรกซึมลึก เพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะสูงสุด
คลิกเพื่อผลิตภัณฑ์และขั้นตอนการใช้งาน - Beger Rain Quick Primer B-2900
2. Beger Water Block Primer B-3100 – เหมาะสำหรับพื้นผิวปูนทุกประเภท ทั้งปูนที่ฉาบเสร็จใหม่ ผนังปูนเก่า หรือพื้นผิวปูนหลังฝนตกได้ทันที
คุณสมบัติเด่น:
สีรองพื้นอเนกประสงค์ทนชื้นสูงสุด เกรดดีที่สุดจากเบเยอร์ สูตรน้ำมัน เนื้อฟิล์มสีขาว
พื้นที่การทา 35-40 ตร.ม./แกลลอน/เที่ยว
สามารถใช้งานได้ทันทีหลังการกวนให้เข้ากัน หรือสามารถผสม เบเยอร์ ทินเนอร์ M-15 ไม่เกิน 5% ได้
- บล็อกความชื้นได้สูงสุดถึง 75%
- ใช้ได้กับผนังปูนทุกประเภท ทั้งเก่าและใหม่
- เนื้อสีแทรกซึมลึก ป้องกันคราบเชื้อรา ตะไคร่น้ำ และคราบขาว
- ฟิล์มสีเรียบแน่น สม่ำเสมอ ยึดเกาะเยี่ยม
- กลิ่นอ่อนกว่าเมื่อเทียบกับสีรองพื้นสูตรน้ำทั่วไป
คลิกเพื่อผลิตภัณฑ์และขั้นตอนการใช้งาน - Beger Water Block Primer B-3100
เคล็ดลับการทาสีในฤดูฝนให้ได้ผลดีที่สุด
1. เช็กพยากรณ์อากาศ ล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงฝนขณะทำงาน
2. ทารองพื้นสูตรกันชื้นก่อนเสมอ เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมรับสีจริง
3. เลือกสีที่แห้งไว และสามารถทาทับได้ในเวลาสั้น
4. เน้นพื้นที่ที่น้ำซึมบ่อย เช่น ผนังด้านนอก รอยต่อขอบประตูหน้าต่าง และผนังชั้นล่าง
สรุป: สีรองพื้นที่ดีคือกุญแจสู่ผนังบ้านที่ทนฝน
การทาสีในฤดูฝนไม่ใช่เรื่องต้องเลี่ยงอีกต่อไป หากคุณเลือกใช้ สีรองพื้นกันชื้นคุณภาพสูง อย่าง Beger Rain Quick หรือ Beger Water Block เพราะทั้งสองสูตรนี้พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับปัญหาเฉพาะฤดูโดยเฉพาะ ตอบโจทย์ทั้งช่างมืออาชีพและเจ้าของบ้านที่ไม่อยากรอหน้าร้อน
FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเลือกสีรองพื้นกันชื้น-กันฝน
Q1: ถ้าไม่ใช้สีรองพื้นกันชื้น จะเกิดอะไรขึ้นกับบ้าน?
A: เสี่ยงสีพอง ลอก มีเชื้อรา และต้องซ่อมผนังบ่อย เสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย
Q2: ทาสีบ้านช่วงหน้าฝนทำได้จริงไหม?
A: ได้ ถ้าเลือกวันฝนไม่ตกและใช้รองพื้นกันชื้นโดยเฉพาะ สีจะติดทนนาน
Q3: วิธีตรวจว่าผนังพร้อมทาสีหรือยัง?
A: แตะดูให้ผนังแห้ง ไม่มีคราบน้ำ ถ้าเย็นชื้นให้รอก่อนค่อยทา
Q4: ต้องทากี่ชั้นถึงจะกันชื้นได้อยู่หมัด?
A: อย่างน้อย 1 ชั้น ถ้าผนังเก่า/พรุนมาก แนะนำ 2 ชั้น เพื่อป้องกันชื้นซึม
Q5: เลือกสีทับหน้าแบบไหนให้บ้านสวยนาน ไม่กลัวฝน?
A: เลือกสีทนแดด ทนฝน กันเชื้อรา จะช่วยให้บ้านดูใหม่ได้นาน
ค้นหาร้านค้าที่จำหน่ายใกล้คุณ >> คลิกที่นี่เพื่อค้นหาร้านค้าใกล้ฉัน
ติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญของ Beger พร้อมให้คำแนะนำฟรี! >> คลิกเพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่


